อยู่ดีๆ ก็มีหูฟังส่งมาให้ลองและช่วยรีวิว โดยไม่ให้ข้อมูลอะไรเลย ไม่บอกแม้กระทั่งยี่ห้อและรุ่น จนกระทั่งได้รับของ ผมก็เลยขออนุญาตรีวิวแบบ Blind test คือรีวิวแบบไม่เปิดดูรายละเอียดของสินค้า หรือแม้กระทั่งราคาของมัน แล้วเดี๋ยวมาดูกันว่าผมจะมีข้อสรุปว่ายังไงบ้าง
ข้อมูลเดียวที่มีอยู่หน้ากล่องคือ ยี่ห้อ TRN Audio (ซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน) รุ่น V80 เป็น Audiophile Quad Driver Hybrid In-Ear Monitor ซึ่งจากคำอธิบายนี้ ก็พอจะสร้างความคาดหวังได้ว่าเป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อฟังเพลงมากกว่าที่จะใช้เล่นดนตรีบนเวที แถมยังมี 4 Driver ซึ่งมากกว่าตัวที่ผมใช้ประจำอยู่เสียอีก ดูแล้วเริ่มมีอาการคันหู อยากลองฟังเสียแล้ว เนื่องจากน้องที่ส่งหูฟังมาให้รีวิวนี้ ชอบมีอะไรเด็ดๆ มาป้ายยาผมให้อยากเสียตังอยู่เรื่อย 555
ก่อนลองฟัง ขอเล่าประสบการณ์ unbox นิดนึง ให้ดูเป็นนักรีวิวอาชีพสมกับที่น้องอุตส่าห์ส่งมาให้ลอง
เริ่มจากเปิดกล่องมา เจอหูฟังสีฟ้า หน้าตาดูดี บอดี้มีน้ำหนัก ทำจากอะไรก็ไม่รู้แต่น่าจะเป็นโลหะชนิดนึง ไม่ใช่พลาสติคแบบถูกๆ แน่นอน
ในกล่องแถมจุกมาให้อีก 2 คู่ เป็นไซส์เล็กกับใหญ่ อันที่ใส่ติดหูฟังมาให้เป็นไซส์กลาง ส่วนสายที่แถมมาเป็นสายถัก ดูทนทานแข็งแรงดีครับ ชอบที่สายมีการดัดโค้งเหน็บหูมาให้เรียบร้อย พร้อมระบุชัดเจนว่าข้างไหน L หรือ R ไม่ต้องมาเดาเองให้งงเหมือนบางยี่ห้อ ตัว Connector เป็นแบบ 2 pin นะครับ น่าจะเอาไปสลับเปลี่ยนสายกับตัวอื่นที่เป็นแบบเดียวกันได้ พอใส่เข้าไปก็กระชับพอดีหู ถึงตรงนี้ก็พร้อมที่จะได้ลองฟังเสียงกันละ
เครื่องที่ใช้ลองฟังคือ iPhone6 เปิดฟังเพลงจาก Apple Music บ้านๆ นี่แหละ ไม่ไช่เป็นเครื่องเล่นหรือไฟล์เพลงเลิศหรูอะไร (ความจริงมี iPhone X แต่มันไม่มีรูเสียบหูฟังปกติไง ก็เลยต้องยืมเครื่องคนอื่นมาลอง)
ต้องท้าวความก่อนนิดนึง ว่าปกติผมใช้ In Ear เยอะที่สุดกับการเล่นดนตรีบนเวที และชอบหูฟังที่มีความ Flat มีเสียงธรรมชาติที่สุด ซึ่งหูฟังรุ่นที่ใช้มาตลอดระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปีจนชิน และไม่เคยเปลี่ยนรุ่นเลยก็คือ Westone UM3x ราคาหมื่นปลายๆ และรสนิยมในการฟังเพลงของผมก็จะเป็นคนชอบเสียงที่ธรรมชาติที่สุด ไม่ค่อยชอบอะไรที่ color เน้นย่านโน่น กดย่านนี้ ออกมาแบนๆ จากสตูดิโอนี่แหละ ชอบนัก ถ้าเทียบกับอาหารก็คงเป็นคนที่ชอบกินแบบไม่ปรุงอะไร เพื่อจะได้รู้รสมือจริงๆ ของเชฟ ดังนั้นการรีวิวเรื่องเสียงของหูฟังตัวนี้ ก็จะมีรสนิยมของผมมาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับท่านผู้อ่านซะทีเดียว กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านนะขอรับ**
เพลงที่ใช้ในการฟังเพื่อรีวิว ก็จะพยายามให้มีหลากหลายสไตล์ เพื่อดูว่าเพลงสไตล์ไหนจะเหมาะกับหูฟังรุ่นนี้ในความรู้สึกผมมากที่สุด ซึ่งปกติผมจะมี Track ประจำตัวในการลองหูฟัง ลองลำโพง ที่บางเพลงใช้มามากกว่า 10 ปี เพื่อความคุ้นเคยอยู่แล้ว มาเริ่มกันเลยดีกว่า
Track 1 : R&B – Brian Mcknight (Back at one) เปิดมาเพลงแรกมีความประหลาดใจเล็กๆ กับเสียงเบสที่ลึก นุ่ม แต่มาเป็นก้อนชัดมาก เสียงร้อง ย่านเสียงกลางมีความเด่น แต่ฟังนุ่มนวลกำลังพอดี เสียงแหลมได้ยินชัดเจน แต่ไม่ทิ่มหูจนรำคาญ รวมๆ แล้วค่อนข้างลงตัว แต่ฟังไปนานๆ ผมกลับรุ้สึกว่าเสียงเบสจะล้นเกินไปนิดสำหรับรสนิยมของผม แต่ทั้งนี้ ถ้าออกไปเดินฟังบนถนนที่มีเสียงข้างนอกรบกวน มันอาจจะพอดีก็ได้ ไว้เดี๋ยวไปลองแล้วจะมาอัพเดทให้ฟัง เอาเป็นว่าถ้าใครชอบฟัง R&B หรือ Pop ที่เน้นเสียงเบสนุ่มๆ อุ่นๆ ตัวนี้ไม่น่าจะผิดหวัง
Track 2 : Rock – Jesus Culture (Live in New York) มาฟังอะไรที่ Rock ขึ้นมาหน่อยนึง จริงๆ ผมไม่ใช่สาย Rock แรงๆ ชอบแบบฟังสบายๆ ซึ่ง Charactor ของหูฟังตัวนี้ที่ทำเสียงกลางได้ดี ทำให้ฟังเสียงกีตาร์แผดๆ ได้นานโดยไม่เมื่อยหู แต่ว่าเบสอาจจะเยอะและโดดเกินไปหน่อยสำหรับคนที่ชอบอะไรที่ Balance มากๆ
Track 3 : Jazz Fusion – Dave Grusin หลบมาฟังเปียโนแจ๊ส สไตล์ Fusion นิดนึง อันนี้ถือว่าฟังเพลินดีทีเดียว เบสกับกลอง ฟังออกมาเป็นลูกๆ ได้กรู๊ฟเพลินๆ ฟังแล้วเผลอนั่งโยกหัวแบบไม่รู้ตัว เสียงกลาง เสียงแหลมออกมากำลังเพราะ
Track 4 : Acoustic Jazz – Joshua Redman มาฟัง Jazz แบบอคูสติค เสียง Saxophone มาแบบเพราะเลย เสียงกลองก็ฟังธรรมชาติ แต่ที่รับไม่ค่อยได้คือเสียง Double Bass ล้ำหน้าไปเยอะ อันนี้ผมไม่ค่อยชอบละ
Track 5 : Classic – Brahms Symphone no. 3 ด้วย Character ของหูฟังตัวนี้ ที่เบสมีความโดดเด่นมาก ทำให้การฟังเพลงคลาสสิค ค่อนข้างจะผิดธรรมชาติไปมาก เสียง Low End มาเยอะเกิน แต่ก็ขอย้ำอีกครั้งว่า นี่เป็นรสนิยมส่วนตัวล้วนๆ คนที่ชอบเสียงเบสเค้าก็มีอยู่เนอะ
Track 6 : Acoustic Pop – Jason Mraz เพลงประเภทนี้ ถือว่าได้ใช้จุดเด่นเรื่องเสียงกลางของหูฟังรุ่นนี้ได้ดีทีเดียว ฟังชัด แต่ไม่กระด้าง ส่วนเบสก็ถือว่ากลมกลืนระดับนึงกับประเภทของเพลง
สรุปเรื่องเสียง :
High – ฟังสบาย ไม่ล้าหู
Mid – ชัด แต่นุ่มนวล ฟังเสียงร้องเสียงเครื่องดนตรีที่เป็นโทน Mid เพราะเลย
Low – ชัดๆ มาเป็นลูก แต่อาจจะฟังล้ำหน้าไปนิดนึง สำหรับคนที่ไม่เน้นเบส (ย้ำแล้วย้ำอีก 555) แต่ใครชอบเสียงเบส ผมว่าน่าจะชอบ (ตรงนี้เดี๋ยวจะลองไปฟังข้างนอกในที่ๆ มีเสียงรบกวนอีกที ว่าจะรู้สึกเปลี่ยนไปไหม)
มาถึงตรงนี้ ผมก็ยังไม่รู้ราคาของหูฟังตัวนี้เลย แต่ขอเดาไว้ก่อนว่าน่าจะอยู่พันปลายๆ ถึงสองพัน ดูจากจำนวน Driver และคุณภาพของวัสดุที่ใช้ รวมถึงเสียงที่ออกมาดีผิดคาดเลยทีเดียว สำหรับการฟังเพลง
แต่พอไปดูเฉลยที่เว็บของ Egadget Sound ศูนย์รวมลำโพงและหูฟัง ที่ส่งมาให้รีวิว พบว่าราคาอยู่ที่ 1,340 บาทเท่านั้น ถูกกว่าที่คิดไปประมาณนึงทีเดียว!
เอาเป็นว่า ใครที่อยากหาหูฟังสำหรับฟังเพลงเพราะๆ นุ่มๆ เบสเป็นลูกๆ ราคาไม่แรง ตัวนี้ถือว่าน่าลองมากๆ ครับ ส่วนหูฟังที่ผมได้มาตอนนี้ ลูกชายยึดไปฟังเรียบร้อย
ขอขอบคุณ Egadget Sound ศูนย์รวมลำโพงและหูฟัง อีกครั้งนึงที่ส่งหูฟังดีๆ มีคุณภาพมาให้ได้ลองและรีวิวครับ
ความเห็นล่าสุด